OWNDAYS MEETS vol. 11 KENSHI HIROKANEนักวาดการ์ตูน

นักเขียนการ์ตูนชื่อดังที่ผลงานถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครและภาพยนตร์มาแล้วมากมาย รวมถึงการ์ตูนชุดที่ได้รับความนิยมอย่าง Shima Kousaku เขาจะมาเผยชีวิตให้เราฟังในบทที่ 11 ของ OWNDAYS MEETS โดยเราขอให้เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเส้นทางการทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดังอย่างทุกวันนี้

KENSHI HIROKANE

KENSHI HIROKANE

นักวาดการ์ตูน

เกิดในปี 1947 ที่เมืองอิวะคุนิ จังหวัดยามากุจิ จบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ และทำงานกับ Matsushita Electric Industrial (ปัจจุบันคือ Panasonic)
1985 ได้รับรางวัล Shogakukan ครั้งที่ 30 จากผลงานเรื่อง Human Scramble
1991 ได้รับรางวัล Kodansha Manga ครั้งที่ 15 จากผลงานเรื่อง Shima Kousaku
2003 ได้รับรางวัล Japan Cartoonists Association ครั้งที่ 30 จากผลงานเรื่อง Tasogare Ryuseigun
2007 ได้รับริบบิ้นสีม่วง (Medal of Honor) เพื่อยกย่องคุณูปการด้านศิลปะ
- การ์ตูนเรื่องยาว -
Kodansha, Shima Kousaku
Shogakukan Big Comic Original, Tasogare Ryuseigun
Shukan Asahi, Father is a Milkman
ผลงานอื่น ๆ ได้แก่: Hello Haru-Nezumi, Last News, Human Scramble และ Dream Factory
- การปรากฏตัวทางสถานีวิทยุ -
Nippon Cultural Broadcasting, Inc. Docomo Dankai-kurabu
Nippon Broadcasting System, Incorporated Tasogare no Oyaji

คุณฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า

ใช่ครับ ผมอยากเป็นนักวาดการ์ตูนมาก การเป็นเด็ก ผมไม่รู้ว่าอะไรจริงไม่จริง ผมอยากเป็นนักเบสบอลหรือนักบินอวกาศด้วยนะ แต่ตอนผมอยู่มัธยมต้น ผมก็ตระหนักได้ว่าเราไม่สามารถเรียนปริญญาเพื่อนักวาดการ์ตูนได้เหมือนอย่างทนายความหรือหมอ ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะเป็นนักหนังสือพิมพ์และเข้าเรียนที่วาเซดะแทน แต่การเป็นนักหนังสือพิมพ์ก็ไม่ง่ายเลยครับ ผมค้นพบว่าโอกาสของผมมีน้อยมาก ดังนั้น ผมก็เลยยอมแพ้อย่างรวดเร็ว (หัวเราะ) และไปเข้าชมรมการ์ตูนแทน ผมเข้าชมรมเดือนละสองสามครั้งและวาดภาพคนในวันเทศกาลโรงเรียน

อะไรทำให้คุณอยากเป็นนักวาดการ์ตูน

หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ผมก็ไปทำงานกับ Matsushita Electrical Industrial โดยทำงานในฝ่ายที่รับผิดชอบการผลิตแคตาล็อกและออกแบบเอาท์เล็ตจัดจำหน่าย
ถึงแม้ว่างานในบริษัทจะน่าสนใจมาก แต่ระหว่างทำงานอยู่ที่นั่น ผมได้พบกับนักวาดภาพประกอบและนักออกแบบ ซึ่งในจำนวนนี้ หลายคนอยากจะเป็นนักวาดการ์ตูน พอผมเข้าไปอยู่ในวงการนี้ ผมก็ตระหนักได้ว่าตัวเองก็มีความฝันแบบเดียวกัน พวกเขาผลักดันให้ผมลองทำดู ผลก็คือ ผมลาออกจากบริษัท ผมรู้ตัวเลยว่า พ่อแม่ที่บ้านเกิดต้องคัดค้านผมหัวชนฝาแน่ ผมก็เลยไม่บอกอะไรพวกเขาจนออกจากงานแล้วนั่นละ (หัวเราะ)

ผมไม่ใช่คนที่ชอบวางแผนอนาคต นักวาดการ์ตูนหลายคนมาทำอาชีพนี้ได้เพราะพวกเขาเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นดูดี พอพวกเขาสนใจมัน ก็เลยลองทำมันดู พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเป็นนักวาดการ์ตูนไม่ใช่อาชีพที่มั่นคง คนที่เลือกอาชีพนี้ถือว่าบ้านะ (หัวเราะ)

หลังจากออกจากบริษัท คุณเริ่มวาดการ์ตูนเลยหรือเปล่า

ตอนแรก บริษัทออกแบบที่รู้จักกันจ้างผมไปวาดภาพครับ ผมมีอิสระในการทำงานมากเลย แต่ตอนที่ผมเข้าไปในวงการการ์ตูน ผมได้รับคำเชิญจากคนในสำนักงานพิมพ์แห่งหนึ่ง เขาบอกกับผมว่า "ถ้านายอยากเป็นนักวาดการ์ตูน มาทำงานกับเราสิ" ผมก็เลยค่อย ๆ ลดปริมาณงานฟรีแลนซ์ที่ทำมาตลอดและเริ่มทุ่มเทเวลาให้กับงานการ์ตูนมากขึ้น ในปีแรก ผมเขียนการ์ตูนได้หกเล่ม ผมไม่คิดถึงอนาคตเลยนะ เอาแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย "การทำให้วันนี้ดีที่สุดเพื่อวันพรุ่งนี้" เป็นสิ่งที่ทำให้ผมกลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้

ผมเอาแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่คิดถึงอนาคตเลย คติที่ว่า "การทำให้ดีที่สุดเพื่อวันพรุ่งนี้" เป็นสิ่งที่ทำให้ผมกลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้

ตอนวาดการ์ตูน คุณต้องให้ความสำคัญกับอะไรเป็นพิเศษไหม

ผมว่าหลัก ๆ ก็คือความสมจริง เพราะมันเป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องสื่อถึงความจริงและพูดถึงปัญหาหลาย ๆ อย่าง มันเป็นการ์ตูนที่ต้องการให้ผู้อ่านได้ฉุกคิด ซึ่งถ้าผลออกมาเป็นแบบนั้น ผมจะตื่นเต้นยินดีมาก

บอกเราหน่อยได้ไหมว่าคุณคิดการ์ตูนเรื่องเยี่ยมอย่าง Shima Kousaku ขึ้นมาได้ยังไง

ผมวางแผนว่าจะเขียนการ์ตูนเกี่ยวกับความรักในสำนักงานสักเล่มโดยไม่ได้กำหนดแนวคิดอะไรไว้เลย โชคดีที่มันดังในหมู่ผู้อ่าน การ์ตูนเรื่องนี้ก็เลยกลายมาเป็นการ์ตูนชุด ตอนนั้นผมเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าการ์ตูนเกี่ยวกับพนักงานกินเงินเดือนจะกลายเป็นที่นิยมขึ้นมาได้

คุณคิดว่าเสน่ห์ที่สำคัญของ Shima Kousaku อยู่ตรงไหน

ในการ์ตูนเรื่องนี้ ตัวละครหลักจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าเป็นการ์ตูนอย่างหน้ากากแก้ว (The Glass Mask) และโคจิกาเมะ (Kochikame) ตัวละครหลักจะยังคงมีอายุเท่าเดิมในแต่ละรุ่น ซึ่งตรงกันข้ามกับ Shima Kousaku ที่อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมใช้เพื่อนคนหนึ่งมาเป็นต้นแบบของตัวละครตัวนี้ เขาไต่เต้าจากผู้จัดการแผนกขึ้นไปเป็นกรรมการบริษัท กรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการบริหาร และสุดท้ายก็ได้เป็นประธาน Shima Kousaku เลื่อนตำแหน่งเร็วพอ ๆ กับเพื่อนผมคนนั้น ผมก็เลยคิดว่าความก้าวหน้าทางอาชีพของ Shima Kousaku ค่อนข้างจะอิงกับความจริง
นอกจากนี้ Shima Kousaku ยังเป็นการ์ตูนที่ประกอบด้วยความบันเทิง 50% และสาระข้อมูลอีก 50% ตอนการ์ตูนเรื่องนี้ออก มีการจัดอีเวนท์ในจีนและอินเดียด้วย แน่นอนว่านอกจากประเทศเหล่านี้แล้ว ผมยังได้เดินทางไปรัสเซียและบราซิลเพื่อเก็บข้อมูลด้วยเหมือนกัน แต่จีนกับอินเดียนี่ถือว่ามากที่สุด แต่เพราะต้องไปออกรายการวิทยุ ไปแต่ละครั้ง ผมจะอยู่เที่ยวได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นเอง ผมไม่มีเวลาไปเดินดูอะไรที่นั่นเลย (หัวเราะ) แต่เพราะผมเคยอยากจะเป็นนักหนังสือพิมพ์ ผมก็เลยชอบ

มีธีมอะไรที่คุณอยากจะนำมาใช้กับการ์ตูนในอนาคตไหม
ผมมีธีมอีกหลายธีมเลย แต่เพราะงานยุ่งจริง ๆ ผมก็เลยยังไม่มีเวลาเอามันออกมาใช้ประโยชน์ แต่ถ้ามีโอกาส ผมคิดว่าอยากวาดการ์ตูนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์อย่างในสมัยเฮอัน คามาคุระ มุโรมาจิ และความสัมพันธ์ระหว่างช่างแกะสลัก เช่น Unkei กับ Kaikei

อะไรคือบทสรุปของการทำงานเป็นนักวาดการ์ตูน

การ์ตูนก็เหมือนกับสินค้าอื่น ๆ นะ จะดีหรือไม่ดีก็วัดกันที่ความนิยม ถ้าขายดี คุณก็จะรู้สึกว่าคนอ่านยอมรับผลงานของคุณ มันจะทำให้คุณรู้สึกพอใจและมีความสุขมาก องค์ประกอบสำคัญในการแข่งขันก็คือ การทำให้การ์ตูนน่าสนใจและต้องไม่สูญเสียความตั้งใจนี้ไปอย่างเด็ดขาด

สำหรับผมแล้ว การ์ตูนเป็นเหมือนอากาศที่ใช้หายใจ ดังนั้น ไม่ว่าจะมันจะยากหรือทำเงินได้น้อยแค่ไหน สำหรับผมแล้ว การเป็นนักวาดการ์ตูนสำคัญที่สุด

ผมไม่เคยเลือกอาชีพเพราะเงินเลย แต่เลือกอาชีพโดยคำนึงว่ามันเป็นงานที่ผมสนุกกับมันหรือเปล่า ตัวอย่างเช่น ผมไม่คิดว่าการเป็นศิลปินวาดภาพในสมัยก่อนจะทำเงินได้มากสักเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าการวาดการ์ตูนก็เป็นอาชีพหนึ่งเหมือนกัน ก็เลยทำมันมาเรื่อย ๆถ้าใครกำลังคิดว่าจะทำงานอะไรดี ผมจะบอกให้พวกเขาเลือกงานที่ตัวเองทำแล้วสนุก ตามความคิดเห็นของผม ถึงแม้คุณจะจน แต่คุณจะรู้สึกพอใจ รู้สึกเติมเต็ม และสามารถทำงานนั้นต่อไปได้เรื่อย ๆ และมีความสุขกับชีวิตของตัวเองได้อย่างเต็มที่สัมภาษณ์: ตุลาคม 2014

Guest Select K.moriyama

  • K.moriyama/KM1110

ผมเริ่มสวมแว่นตั้งแต่เรียนมัธยมต้นปีสอง ตอนนั้น ผมต้องอ่านหนังสือตลอดทั้งคืนเลยครับ แต่สมัยนั้นกลางคืนจะมืดมาก ไม่มีหลอดไฟฟลูออเรสเซนส์ใช้เหมือนสมัยนี้ เพราะฉะนั้น สายตาผมก็เลยเสียเร็วมาก การสวมแว่นก็เหมือนกัน ผมทำงานเกี่ยวกับการวาดการ์ตูน ซึ่งงานหลายอย่างต้องใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากเป็นพิเศษ ผมก็เลยเลือกแว่นที่ช่วยเพิ่มความสว่าง แต่ทำให้ตาล้าน้อยที่สุด นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลยก็คือ แว่นตาที่หนักและทิ้งรอยไว้บนสันจมูก ดังนั้น ผมก็เลยชอบแว่นตาที่ทำให้ผมลืมว่ากำลังใส่มันอยู่ แว่นตาทุกวันนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้นะ เพราะเบาจนคุณไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังใส่แว่น มันใส่สบายมาก

รหัสสินค้า
KM1110
สี
C1 Gunmetal
TOP

TOP